RSS

สนใจวิธีทำเค้ก

วิธีทําเค้ก วิธีทําขนมเค้ก 

วิธีทําเค้ก วิธีทําขนมเค้ก วิธีทําเค้ก ทำขนมเค้ก วิธีทำเค้กแต่ละชนิด และสาเหตุที่ทำให้เค้กเสีย และวิธีการแก้ไข เค้กที่มีไขมันเป็นส่วนผสมหลักมีด้วยกัน 3 วิธี คือ
วิธีที่ 1. ครีมเนย
เป็นวิธีการผสมโดยตีไขมันกับน้ำตาลจนขึ้นฟูเป็นครีมขาว แล้วค่อยๆใส่ไข่ทีละฟอง ตีให้เข้ากัน จึงใส่แป้งสลับกับของเหลวโดยเริ่มต้นด้วยแป้งและต้องจบด้วยแป้ง การเติมแป้งลักษณะนี้เพื่อให้แป้งดูดซึมน้ำบางส่วนและป้องกันแป้งจับตัวเป็น ก้อนผสมกันจนเนียนเรียบ

วิธีที่ 2. ผสมขั้นตอนเดียว
เป็นการ ผสมส่วนผสมทั้งหมด ยกเว้นไข่แล้วตีด้วยความเร็วสูงประมาณ 5 นาทีจึงใส่ไข่ ตีต่ออีก 5 นาทีด้วยความเร็วต่ำ วิธีนี้มักใช้กับแป้งสำเร็จรูป

วิธี ที่ 3. แยกไข่ขาว-ไข่แดง
เป็นวิธีที่นิยมมาก เพราะจะได้เค้กที่มีปริมาณมาก โดยแยกไข่แดงและไข่ขาวไว้ก่อน แล้วตีเนยกับน้ำตาลจนขึ้นจึงใส่ไข่แดงทีละฟอง ตีผสมจนเข้ากันด้วยความเร็วต่ำ ใส่ส่วนผสมแป้งสลับกับของเหลว เติมกลิ่นตามต้องการ จากนั้นตีไข่ขาวครีมออฟทาร์ทาร์จนตั้งยอดอ่อนจึงค่อยๆ ใส่น้ำตาลอีกส่วนจนหมดและมีลักษณะตั้งยอดแข็ง ใส่ส่วนผสมแป้ง ตะล่อมเบาๆให้เข้ากัน

เค้กที่มีไข่เป็นส่วนผสมหลัก มี 2 วิธี คือ
วิธีที่ 1. แองเจิลฟูลเค้ก
เป็นเค้กที่ใช้ไข่ ขาวตีกับน้ำตาลหนึ่งส่วนและใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ลงไปด้วยเพื่อช่วยให้ฟองไข่ ขาวอยู่ตัว ไม่เหลวเป็นน้ำ และทำทำให้เนื้อเค้กที่อบเสร็จมีสีขาวละเอียด ส่วนน้ำตาลอีกส่วนนำมาผสมกับแป้ง เกลือ แล้วนำไปผสมกับไข่ขาวที่ตีจนตั้งยอดแข็ง คนเบาๆ ให้เข้ากัน วิธีนี้จะไม่มีไขมัน เพราะฉะนั้นพิมพ์ที่ใช้ใส่ก็ต้องไม่ทาไขมัน

วิธี ที่ 2. สปองจ์เค้ก เป็นเค้กที่ใช้ไข่ทั้งฟองหรือใช้เฉพาะไข่แดง โดยตีไข่กับน้ำตาลด้วยความเร็วสูงจนกระทั่งฟองไข่ละเอียดเป็นเนื้อสีขาว จึงใส่ส่วนผสมของแป้ง บางสูตรอาจมีนมและเนยละลายด้วย ซึ่งการเติมเนยละลายนั้นต้องเป็นเนยอุ่นๆ เพื่อป้องกันการยุบตัว และต้องใส่หลังจากผสมแป้งแล้วโดยคนเร็วๆ และเบา

ชิฟฟอนเค้ก เป็นเค้กที่มีเนื้อเบาและนุ่ม มีวิธีการทำ 2 ขั้นตอน

ขั้นตอนที่ 1. แยกเอาไข่แดง – ไข่ขาว จากนั้นตีไข่ผสมกับแป้ง น้ำตาลหนึ่งส่วน ผงฟู เกลือ น้ำมันพืช และน้ำ คนจนส่วนผสมเนียน
ขั้นตอนที่ 2. ตีไข่ขาวกับครีมออฟทาร์ทาร์ หรือน้ำมะนาวพอขึ้น จึงค่อยๆใส่น้ำตาลอีกส่วน ตีจนฟองแข็งตัวตั้งยอดแข็งจึงใส่ส่วนผสมไข่แดงตะล่อมเบาๆจนเข้ากันดีขั้นตอน นี้สำคัญมากต้องผสมเบาๆมือ

สาเหตุที่ทำให้เค้กเสียและวิธีการแก้ไข
การทำเค้กที่ดีจะต้อง อาศัยเทคนิคแล้วยังต้องมีประสบการณ์ สัดส่วนและสิ่งที่ทำอย่างถูกต้อง ข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นเสมอและวิธีแก้ไขดังนี้
1.เค้กหน้าไม่เรียบ ฟู และแตก วิธีแก้ไข ก็คือใช้ที่ปาด แตะน้ำมันพืชทาบนเนื้อขนมก่อนเข้าอบ
2.เค้ก ยุบตรงกลางเป็นเพราะอุณหภูมิในการอบไม่ถูกต้องใช้ไฟอ่อนหรือไฟแรงเกินไป ควรปรับอุณหภูมิให้ถูกต้อง หรืออาจใส่ผงฟูหรือน้ำตาลมากเกินไป เป็นเพราะเคลื่อนย้ายเค้ก หรือเปิดเตาอบขณะเค้กกำลังขึ้น
3.ผิวหน้าเค้ก แฉะ เป็นเพราะอบไว้ไม่สุกดี วิธีแก้ไขควรอบให้สุก ตรวจสอบอุณหภูมิของเตาอบ
4.เค้ก ที่มีรูใหญ่ๆ เป็นเพราะส่วนผสมแห้งเกินไป ผสมกันไม่ทั่ว เทเค้กลงในพิมพ์ไม่ต่อเนื่อง วิธีแก้ไขควรผสมให้เข้ากันอย่างทั่วถึง เทเค้กลงพิมพ์ให้ต่อเนื่องกัน ไล่อากาศก่อนเข้า เตาอบโดยเคาะพิมพ์เบาๆ หรือใช้พายยางลากไปมาในเนื้อขนมก่อนนำเข้าเตาอบ
5.เนื้อเค้กแห้ง เป็นเพระตีไข่ขาวนานเกินไป หรืออบนานเกินไปวิธีแก้ไขควรตีไข่ขาวถึงจุดที่ต้องการเท่านั้นไม่ควรอบนาน เกินไปตรวจสอบอุณหภูมิอย่างถูกต้อง

14ข้อควรใส่ใจในการทำเค้ก
1.แป้งต้องนำมาร่อนก่อนทุกครั้งจึงค่อยตวง
2.ในการร่อนส่วนผสมแต่ละครั้งต้องร่อนผงฟูแป้งและเกลือรวมกัน
3.การตวงต้องตวงให้พอดีกับช้อนตวงไม่พูนขึ้นมา
4.การคนน้ำตาลและเนยต้องคนให้เข้ากันเป็นเนื้อครีมก่อนจะใส่ไข่ในการคนไข่ต้องคนให้เข้ากันดี
5.ใน การคนส่วนผสมต้องคนให้เข้ากันก่อน โดยวิธีการตะล่อมๆ คนพลิกจากข้างล่างมาข้างบน แล้วจึงใส่นมตาม คนให้เข้ากันแล้วจึงใส่แป้งโดยต้องค่อยๆใส่ทีละน้อยๆ
6.ถาดที่ใส่ส่วนผสมในการอบต้องปูด้วยกระดาษก่อนแล้วจึงค่อยทาเนยก่อนเทส่วนผสมใส่ทุกครั้ง
7.การ เทขนมลงในพิมพ์ ควรเทขนมเพียงค่อนของพิมพ์ เพราะเวลาอบขนมจะพองตัวขึ้นเต็มพิมพ์พอดี แล้วจึงใช้ไม้เขี่ยให้ถึงพื้นพิมพ์เพื่อไล่อากาศออก
8.ติดเตาอบตั้งไฟให้ ถึงความร้อนตามที่ตำราบอกก่อน จึงจะใส่ขนม เมื่อขนมสุกจะมีสีน้ำตาลทอง ขนมจะหดตัวร่อนจากขอบพิมพ์ จึงเอาออกจากเตาวางบนตะแกรงและค่อยๆเลาะเอากระดาษออก
9.นมที่ใช้ต้องเป็นนมสดเท่านั้นหรือถ้าจะใช้นมข้นจืด(นมระเหย)ต้องเติมน้ำอีกเท่าตัวแต่ทางที่ดีควรใช้นมสดจะดีกว่า
10.น้ำตาลที่ใช้ต้องเป็นน้ำตาลทรายป่นหรือน้ำตาลทรายป่นละเอียดเพื่อในการผสมส่วนผสมจะละลายง่าย
11.น้ำตาลไอซิ่งคือน้ำตาลทรายผงละเอียดที่ผสมแป้งข้าวโพดหรือแป้งมันใช้ในการแต่งหน้าเค้กหรือโรยหน้าขนมปัง
12.ไข่ที่ใช้หมายถึงไข่ไก่ทั้งฟองถ้าตำราระบุว่าใช้ไข่แดงคือไข่แดงที่แยกไข่ขาวออกแล้ว
13.โกโก้ผงละเอียดเมื่อผสมน้ำแล้วเรียกว่าช็อกโกแลต
14.กลิ่นที่นิยมใช้ในการทำขนม คือ กลิ่นวานิลา กลิ่นส้ม กลิ่นกล้วย กลิ่นกาแฟ กลิ่นบรั่นดี กลิ่นช็อกโกแลต กลิ่นอลามัน ดังนั้นจึงควรมีกลิ่นพวกนี้ไว้ใช้ได้ตลอดเวลา

วิธีทำเค้กสตอเบอรี่

 

ส่วนผสม

  • แป้งเค้ก 90กรัม ไข่ไก่3ฟอง น้ำตาล90กรัม เนยสดจืด 40กรัม
  • วิปครีม 400 cc น้ำตาล5ช้อนโต๊ะ
  • ส่วนผสม น้ำซอส น้ำ200ซีซี น้ำตาล90กรัม บรั่นดี 3ช้อนโต๊ะค่ะ ก็ผสม รวมกัน
  • สตอเบอรี่, ผงฟู, เนย

วิธีทำ

1.      ใส่น้ำร้อน เอาไข่ไก่+น้ำตาล ตีให้เป็นสีครีมๆ เสร็จแล้วก็ใส่เค้ก+ผงฟู ที่ร่อนแล้ว1ครั้ง แล้วตะล่อมให้เข้ากันเบาๆ

2.      แล้วใส่เนยละลายที่อุ่นๆ ค่อยๆเทลงไปแล้วคนให้เข้ากันเบาๆ มือจนส่วนผสมเข้ากันดี

3.      เทใส่พิมนำเข้าเตาอบ เปิดไฟ ประมาณ180องศาค่ะ พอสุกตัดครึ่ง พักไว้

4.      ตีวิปครีม ใส่น้ำตาล กลิ่นวนิลา ตีค่ะ ใส่ เนยลงไปซัก40กรัม แล้วตีให้แข็งตัว แต่ไม่ต้องแข็งตัวมาก เดี๋ยวปาดหน้าเค้กไม่สวย

5.      จากนั้นก็ใส่สตอเบอรี่ บนเค้กก่อนจะใส่วิปครีม เสร็จแล้วเราก็ใส่วิปครีมลงไป แล้วเอาสตอเบอรี่มาหั่น วางเรียงๆกัน

6.      จะแต่งหน้าเค้กกันแบบไหนก็ได้ สตอเบอรี่ก็วางบนเค้กจักเรียงให้สวยงามก็ใช้ได้แล้ว

7.      อย่าใส่วิปครีมจนหมด เหลือเอาไว้มาปั่น ให้แข็งอีกรอบค่ะ เพราะเราจะเอามาใส่หลอด ที่ทำเค้กเป็นหัวแหลมๆไว้แต่งหน้าด้วย

วิธีทำเค้กมะพร้าว

ส่วนผสม

แป้งเค้กแบบร่อน 1 3/4 ถ้วย
ผงฟู 2 1/4 ช้อนชา
เกลือ 3/4 ช้อนชา
เนย 1/2 ถ้วย
น้ำตาล 1 ถ้วย
ไข่ 2 ฟอง
นม 2/3 ถ้วย
วนิลา 1 ช้อนโต๊ะ
มะพร้าว 2/3 ถ้วย

วิธีทำ

ผสมแป้งร่อน ผงฟู เกลือ เข้าด้วยกัน จากนั้นทำ ครีม โดยใส่น้ำตาล ครีมผสมให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกัน ใส่ไข่
ตีให้เข้ากัน หลังจากนั้น นำแป้งที่ผสมได้ที่แล้ว มาผสมกับนมตีให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นใส่วนิลากับมะพร้าว
นำไปใส่ในกระทะ ใช้กระดาษมันๆรอง อบที่ความร้อน 350 F ในเวลา 30 ถึง 35 นาที พอเสร็จแล้ว ทิ้งไว้ประมาณ 10นาที หรือรอจนเย็นจากนั้นก็เอาออกจากกระดาษเสริฟเลย

วิธีทำเค้กส้ม

ส่วนผสม

แป้งเค้ก              300     กรัม
ผงฟู เอชฟู้ด            2       ช้อนชา
น้ำตาลทราย          140     กรัม
ไข่แดง                 7       ฟอง
น้ำมันพืช             100     กรัม
น้ำส้มคั่น             150     กรัม
ไข่ขาว                  7      ฟอง
ครีมออฟทาร์ทาร์        1      ช้อนชา
น้ำตาลทราย           140     กรัม

วิธีทำ

ผสมน้ำตาล ไข่แดง น้ำมัน น้ำส้มคั้น คนให้เข้ากัน เติมแป้งที่ร่อน
ไว้ลงไป คนให้เข้ากันอีกครั้ง พักไว้ตีไข่ขาวกับครีมออฟทาร์ทาร์
พอฟูค่อยๆ ใส่น้ำตาลทราย ตีต่อจนตั้งยอดแข็ง นำไปผสมกับส่วนของไข่แดงจนเข้ากัน เทใส่พิมพ์ที่ทาไขมันรองด้วยกระดาษและทาไขมันทับอีกครั้ง
นำเข้าอบด้วยความร้อน 350 องศาฟาเรนไฮด์ จนสุก

วิธีทำเชอร์รี่เค้ก

ส่วนผสม

1. แป้งเค้ก                            3        ถ้วยตวง
2. ผงฟู                                1        ช้อนโต๊ะ
3. เกลือป่น                            1/2    ช้อนชา
4. เนยสด                             1        ถ้วยตวง
5. น้ำตาลทราย                      1 1/2  ถ้วยตวง
6. ไข่ไก่(แยกไข่แดง)              6        ฟอง
7. นมข้นคืนรูปผสมน้ำ             1/4    ถ้วยตวง
(หรือนมสด 1/4 ถ้วยตวง)
8. วานิลลา                            1        ช้อนโต๊ะ

 

วิธีทำ

1. ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือ รวมกันพักไว้
2. ตีเนยให้ขึ้นฟู ใส่น้ำตาลทราย ใส่ไข่แดงทีละฟอง
3. แบ่งแป้งออกเป็น 3 ส่วน นม 2 ส่วน ใส่แป้งลงไปในส่วนผสมลงไป
กับนม ใส่วนิลลา จบด้วยแป้ง
4. ตีไข่ขาวให้ขึ้น นำส่วนผสมของเค้กใส่ลงไปในส่วนของไข่ขาวคนเท
ใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้
5. นำเข้าเตาอบ 350 ํF จะได้เค้ก 4 ปอนด์ 4 ชั้น

—หมายเหตุ—
นมคือรูปผสมน้ำ 1/4 ถ้วยตวง หรือนมสด 1/4 ถ้วยตวง แทนก็ได้เท่า
กับ นมจืด 2 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ White Chocolate Fudge Cake

ส่วนผสมตัวเค้ก
ไข่ 4 ใบ
น้ำตาลทราบป่นสีขาว 100 กรัม
แป้งเค้ก 100 กรัม (ใช้เซฟไรริ่งไม่ต้องผสมเกลือกับผงฟู)
ผงฟู 1 ช้อนชา
เกลือ 1/2 ช้อนชา
น้ำตาลทรายวนิลา 2 ช้อนชา
ไวท์ช็อกโกแลต 100 กรัม
เนย 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. อุ่นเตาอบ ไฟ 180 องศา ใช้พิมพ์ขนาด 8 นิ้ว รองก้นพิมพ์ด้วย กระดาษไขไม่ต้องทาไขมัน จากนั้น ร่อนแป้ง+ผงฟู+เกลือ 2 ครั้ง พักไว้
2. ต่อยไข่ใส่อ่างผสม + น้ำตาลทราย+น้ำตาลทรายวนิลา จับเวลา 10 นาที ด้วยความเร็วสูง จนกระทั่ง ไข่ ข้น ขาว ฟองละเอียดมาก
3. ใส่แป้ง คนอย่างเบามือ
4. ใส่ ไวท์ช็อกโกแลต+เนย ที่ละลายแล้ว (เอาใส่เวฟ 2 นาที ความร้อน 270 วัตต์)
5. เทส่วนผสมใส่ สปริงฟอร์ม นำไปอบ ประมาณ 25-30 นาที จนกระทั่งสุก ใช้ นิ้วแตะดู ถ้า หน้าเค้กเด้งกลับคืน แปลว่าสุกแล้ว จากนั้น ก็พักไว้ให้เย็น
ส่วนผสมหน้าเค้ก
ผงโกโก้ 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทราย 80 กรัม
นมสด 1 ถ้วย
แป้งข้าวโพด 3 ช้อนโต๊ะ
เนยสด 150 กรัม
วิธีทำ
ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน คนให้เข้ากัน ให้แป้งข้าวโพดละลาย แต่ผงโกโก้ยังไม่ละลายไม่เป็นไร นำไปตั้งไฟอ่อน ๆ เคี่ยวไป จนเดือดหน่อยๆ อย่าให้เดือดมากนะ คนตลอดเลย สักพัก พอเริ่มเหนียวได้ที ก็ยกลง นำหม้อมาแช่ในอ่างน้ำเย็นจัด คนให้หายร้อน แล้วก็นำไปราดหน้าเค้กได้ ค่อยๆ ตัดราดทีละน้อย อย่าราดพรวดทีเดียวหมดนะเดี๋ยวหน้าฟัดจ์ จะไหลลงข้างๆไปหมด

วิธีทำเชอร์รี่บานานาเค้ก (cherry banana cake)

ส่วนผสม

1. แป้งเค้ก                      200 กรัม
2. ผงฟู                          2     ช้อนชา
3. น้ำตาลทราย                180 กรัม
4. เกลือป่น                      1/2  ช้อนชา
5. ไข่ไก่                          5     ฟอง
6. sp                            2     ช้อนชา
7. เนยละลาย                   120 กรัม
8. วานิลลา                      2     ช้อนชา
9. เชอร์รี่สำเร็จรูป            1     กระป๋อง
10. กล้วยหอมหั่นแว่น        6    ผล
11. บัตเตอร์ครีม              300 กรัม

วิธีทำ

1. ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือ รวมกันไว้
2. ตีไข่ น้ำตาลทราย จนกระทั่งขึ้นฟูขาวหรือประมาณ 8 – 12 นาที
3. เติมส่วนผสมของแป้ง ผสมให้เข้ากันดี จึงเติมเนยละลายคนให้เข้ากันอีกครั้ง เทใส่พิมพ์กลมที่รองด้วยกระดาษไขเรียบร้อยแล้ว นำเข้าเตาอบไฟ 350 ํF ประมาณ 30 – 45 นาที หรือจนกระทั่งสุกแซะออกจาพิมพ์ ทิ้งให้เย็น สไลซ์ขนมเค้กออกเป็น 3 ชิ้น
4. วางเค้กชิ้นแรกบนที่รองเค้ก ปาดหน้าด้วยบัตเตอร์ครีมเล็กน้อย วางเชอร์รี่และกล้วยหอมให้ทั่วเค้ก วางชิ้นที่ 2บนชิ้นแรก ปาดหน้าด้วยบัตเตอร์
ครีมให้มีความหนาประมาณ 1/2 เซนติเมตร แล้วตกแต่ง หน้าชิ้นเค้กด้วยเชอร์รี่ให้สวยงาม

วิธีทำเค้กคัสตาดชิฟฟ่อนเค้ก

ส่วนผสมตัวเค้ก

แป้งสาลี                  3  ถ้วย
ผงโกโก้                   3/4  ถ้วย
เนยสด                    2  ถ้วย
น้ำตาลทราย            3 1/4  ถ้วย
ไข่ไก่                      8  ฟอง
เม็ดมะม่วงสับ         5  ถ้วย
วานิลา                     2  ช้อนชา
ช็อกโกแลตไอซิ่ง 
ช็อกโกแลตหวาน    1  ถ้วย
น้ำตาลไอซิ่ง            2 1/2  ถ้วย
เนยสด                    1/4  ถ้วย
น้ำ                           1/4  ถ้วย
เม็ดมะม่วงอบสับ    2  ถ้วย
วานิลา                     1  ช้อนชา

วิธีทำ

แป้งร่อนแล้วตวงตามส่วน ผสมผงโกโก้ร่อนรวมกัน
ใส่เนยสดลงในหม้อนำไปตุ๋นให้ละลาย ยกลงพักไว้

ตีไข่กับน้ำตาลให้ขึ้นฟู เทเนยที่ละลายไว้ลงผสมคนให้เข้ากัน ใส่ส่วนผสมของแป้งลงคน พอเข้ากัน ใส่เม็ดมะม่วง กลิ่นวนิลา คนให้เข้ากัน
พิมพ์สี่เหลี่ยมขนาด 15 x 11 x 1 1/4 นิ้ว รองด้วยกระดาษไข ทาไขมันให้ทั่ว เทส่วน ผสมขนมลงพิมพ์
อบไฟ 180  ํ ซ.หรือ 350  ํ ฟ. เวลาประมาณ 30-40 นาที จนขนมสุกแซะออกจากพิมพ์ พักให้เย็น ราดหน้าด้วยช็อกโกแลตไอซิ่ง โรยหน้าด้วยเม็ดมะม่วงอบสับ
หน้า 
      ช็อกโกแลต เนยสด น้ำ ไอซิ่ง วานิลา ผสมรวมกันนำไปตุ๋นให้ละลาย ราดหน้าขนม ที่เย็นแล้ว โรยหน้าด้วยเม็ดมะม่วง

วิธีทำเค้กนมสด

ส่วนผสมตัวเค้ก

แป้งเค้ก…. 62.5 กรัม
ผงฟู….1/2 ช้อนชา
เนยสดจืด….1/8 ถ้วย
นมสด….1 ช้อนโต๊ะ
วิปปิ้งครีม ….2 ช้อนโต๊ะ
วนิลา….1/2 ช้อนชา
น้ำตาลป่น ….80 กรัม
ไข่ไก่ทั้งฟอง….2 ฟองใหญ่(ตรีใช้เบอร์หนึ่ง)
ไข่แดง…. 1 ฟองใหญ่
เกลือ….1/8 ช้อนชา

วิธีทำ

1. ร่อนแป้ง กะผงฟู สักสามรอบ
2. นำวิปปิ้งคริม นมสด เนยสด ผสมกันใส่ไมโครเวฟเพื่อละลาย พักไว้ก่อน
3. นำไข่ใส่ภาชนะตี ตีไข่ขึ้นฟูเป็นฟองละเอียดปานกลาง ก็เริ่มทะยอยใส่น้ำตาลทรายป่นทีละน้อย
4. ตีด้วยความเร็วสูงไปจนไข่เริ่มมีริ้วรอยชัดเจน ฟูข้นขาวเลย
5. แล้วก็ปรับเป็นสปีดต่ำสุด ค่อย ๆ เทแป้งลงไปผสมพอเข้ากัน
6. ใช้เวลาประมาณ นับหนึ่งถึงสิบ 1..2.3…10 ปิดเครื่องเลย
7. แล้วใช้พายยางตะล่อมอีกสักนิด เพื่อกวาดแป้งที่ติดข้างโถผสม
8. นำส่วนผสมเนยใส่วนิลาลงไปค่ะแล้วก็เทลงในส่วนผสมไข่กับแป้งเลย
9. ค่อย ๆ เทลงเป็นสาย แล้วก็ตะล่อมแป้งไปด้วย
10. ตะล่อมจนเข้ากันดี แบบเบา ๆ มือ
11. ตัดกระดาษไขรองพิมพ์ ไม่ต้องทาไขมัน
12. ใช้ไม้จิ้มฟันลากไล่ฟองอากาศสักหน่อย

13. ส่งเข้าอบที่ 190 องศาเซลเซียส เป็นเวลาประมาณ 20-25 นาที

14. นำวิปปิ้งครีมมาผสมกับนมสดเพิ่มอีกสองช้อนกินข้าวแบบสั้น
ใส่น้ำตาลทรายป่นอีกช้อน วนิลาอีกนิดหน่อย
15. ตีวิปปิ้งครีมให้ขึ้นฟูแล้วก็ใช้แต่งหน้า
พอตั้งยอดแล้วก็หยุดตีได้เลย

**หมายเหตุ** วิปปิ้งครีมถ้าจะให้ตั้งยอดสวยและอยู่ตัวได้นาน ทั้งหัวตี และชามที่ใช้ จะต้องแช่ตู้เย็นให้เย็นจัดๆ แล้วพอจะเริ่มตี ก็ให้นำชามที่จะใช้มาใส่ในอ่างอีกใบที่มี่น้ำเย็นและใส่น้ำแข็งด้วย

ดับเบิ้ล ช็อคโกแลต มูส เค้ก (Double Chocolate Mouse Cake )

ส่วนผสมตัวเค้ก

แป้งสาลีชนิดเบา 1 + 1/ 4 ถ้วย
โกโก้ผง 2 ช้อนโต๊ะ
ผงฟู 1 + 1/ 2 ช้อนชา
เกลือ 1/ 2 ช้อนชา
ไข่ไก่ 5 ฟอง
น้ำตาลทรายเม็ดเล็ก 1 ถ้วย
เนยละลาย 3 ช้อนโต๊ะ
นมข้นจืด 1 / 4 ถ้วย
วานิลา 2 ช้อนชา

วิธีทำตัวเค้ก

1. ร่อนแป้ง โกโก้ ผงฟู และเกลือ เข้าด้วยกัน 3 ครั้ง
2. ต่อยไข่ใส่อ่างผสม ใส่น้ำตาลลงไปทั้งหมดในคราวเดียว แล้วตีให้ขึ้นฟู (ใช้เวลาประมาณ 10 นาที)
3. ผสมนมและวานิลาเข้าด้วยกัน ใส่แป้งทีละน้อย ๆ สลับกับนม คนเบา ๆ โดยใช้วิธีพลิกแป้งจากข้างล่างมาข้างบน ทำด้วยความรวดเร็วแต่เบามือ พอแป้งเข้ากับส่วนผสมดีแล้วจึงใส่นม คนนมให้เข้ากับแป้ง ทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จนหมดส่วนผสมของแป้งและนม จากนั้นใส่เนยละลาย คนพอเข้ากัน
4. ปูกระดาษไขลงในพิมพ์ เทส่วนผสมของขนมลงในถาด นำเข้าเตาอบด้วยไฟ 400องศาฟาเรนไฮต์ นาน 20 นาทีหรือจนขนมสุกเหลือง
5. เมื่อเค้กสุกแล้วก็นำออกจากเตาอบ เอาเค้กออกจากพิมพ์ทันที วางไว้บนตะแกรง พักให้เย็นอุณหภูมิห้อง ก่อนแบ่งเค้กออกเป็นเลเยอร์

ส่วนผสม Milk Chocolate มูส

ช็อคโกแล็ต นม (Milk Chocolate) 150 g
เจลาติน (gelatin) 2 แผ่น
วิปปิ้งครีม (Whipped Cream) (1) 70 g
วิปปิ้งครีม (Whipped Cream) (2) 250 g
วนิลา (Vanilla) 1/2 ช้อนชา

ส่วนผสม White Chocolate มูส

ช็อคโกแล็ต ขาว (White Chocolate) 150 g
เจลาติน (gelatin) 2 แผ่น
วิปปิ้งครีม (Whipped Cream) (1) 70 g
วิปปิ้งครีม (Whipped Cream) (2) 250 g
วนิลา (Vanilla) 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ

เจลาติน ตัดเป็นชิ้นๆ แล้วแช่น้ำให้นิ่ม
2. เอาวิปปิ้งครีมใส่หม้อ ตั้งไฟอ่อนๆ พอเริ่มร้อน เอาเจลาตินใส่ลงไป คนจนละลายหมดเข้ากัน
3. เทใส่รวมกับช็อคโกแล็ต คนจนช็อคโกแล็ตละลายหมดและเข้าเป็นเนื้อเนียนดี ตามด้วยวานิลลา ทิ้งใว้ให้เย็น
4. ตีส่วนผสมวิปปิ้งครีมส่วนที่ 2 ให้ขึ้นฟูจนตั้งยอดอ่อน เทส่วนของช็อคโกแล็ต ลงไป ใช้ไม้พายค่อยๆตะล่อมให้เข้ากัน จนส่วนผสมเข้ากันดี
5. ใช้พิมพ์แบบถอดข้างได้ ใส่เค้กที่เตรียมไว้ แล้วใส่ Milk Chocolate มูส ลงไป ปาดให้เรียบ ระหว่างชั้นก็แช่ตู้เย็นให้มูสเซ็ตตัวก่อน
6. พอ Milk Chocolate มูส ก็ใส่ White Chocolate มูส ลงไปปาดให้เรียบ(วิธีทำเหมือนกัน เปลียนแค่ตัวช็อคฯ)
7. แล้วนำแช่ตู้เย็นใว้อย่างน้อย 6 ชม แล้วค่อยนำมาแต่งหน้าด้วยช็อกโกแล็ทขูด หรือแต่งตามใจชอบ.

  1. Strawberry Swirl Cheesecake

ส่วนผสม
1. ชอร์ทเบรด คุกกี้ 10 ออนซ์ (ใช้แกรแฮม หรือเป็นคุกกี้ที่ใช้ทำ
ชีสเค้กครัสต์อื่น ๆก็ได้ค่ะ)
2. เนยจืด ¼ ถ้วย ประมาณ 55 กรัม
3. สตรอเบอรี่สด 3 ถ้วย
4. ครีมชีส 4 แพคๆละ 8 ออนซ์ (ตั้งไว้ให้นุ่มอุณหภูมิห้อง)
5. น้ำตาล 1-1/3 ถ้วย
6. แป้งสาลี 2 ช้อนโต๊ะ
7. ไข่(อุณหภูมิห้อง) 4 ฟอง
8. วิปปิ้งครีม 2 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
10. วานิลลา 2 ช้อนชา

วิธีทำ
เปิดเตาอบ 325 F
เตรียมถาดอบแบบสปริงฟอร์ม ขนาด 9 นิ้ว ห่อถาดด้วยอลูมีเนียมฟลอยล์ ให้มิดชิดกันไม่ให้น้ำเข้า

วิธีทำครัสต์
1. ป่นคุกกี้ให้ละเอียด อาจจะใส่ถุงพลาสติกแล้วทุบเอา หรือใช้ไม้กลิ้งไปมาให้ละเอียด ให้ได้ 2-1/4 ถ้วย จากนั้นเอามาผสมกับเนยละลาย ผสมให้เข้ากันแล้วเอาไปใส่พิมพ์ กรุให้เรียบ และให้สูงจากขอบประมาณ 1 นิ้ว จากนั้นเอาไปอบ 8 นาที ครบตามเวลาเอาออกจากเตามาวางไว้ให้เย็น
2. นำสตรอเบอรี่ไปปั่น จากนั้นกรองเอากากออก ให้ได้น้ำสตรอเบอรี่ประมาณ 1 ถ้วย
3.ตีครีมชีสและน้ำตาลโดยใช้ความเร็วต่ำ ตีจนผสมเข้ากันแล้วใส่แป้ง ใส่ไข่ 2 ฟองลงไปตีความเร็วต่ำจนเข้ากันดี จากนั้นใส่ไข่ 2 ฟองที่เหลือลงไป ตีต่อไป ใส่วิปปิ้งครีม น้ำมะนาว วานิลลา ตีผสมจนเข้ากันเป็นเนื้อครีมเนียน
4. ตักส่วนผสมที่ได้ แยกออกมา 2-1/2 ถ้วยค่ะ ใส่น้ำสตรอเบอรี่คั้น 3/4 ถ้วย ลงไป แล้วค่อย ๆ คนให้เข้ากัน แล้วเทลงในครัสต์ที่เตรียมไว้ค่ะเป็นการอบชั้นที่หนึ่ง
5. วางพิมพ์อบชีสเค้ก ลงในถาดอีกใบนึง จากนั้นค่อย ๆ เติมน้ำร้อนหรือน้ำอุ่น ลงไป ให้ความสูงของน้ำประมาณครึ่ง ของถาดอบชีสเค้กค่ะ อบไฟ 325 F ใช้เวลา 35 นาที
6. เมื่ออบครบเวลา ค่อย ๆ ดึงถาดออกมาด้านหน้าเตาอบ จากนั้นเทส่วนผสมครีมชีสที่ตักเก็บไว้ลงไปค่ะ ตอนเทให้เทได้ระดับเดียวกัน หน้าขนมจะได้เรียบเสมอกัน
7. ทำลวดลายโดยเริ่มจากการหยดน้ำสตรอเบอรี่คั้นที่เหลือ ¼ ถ้วย ลงไปเป็นจุดห่าง ๆ กันให้ทั่ว บนส่วนผสมครีมชีสชั้นที่สอง แล้วใช้มีดปลายแหลมหรือไม้จิ้มฟัน ลากต่อจุด(โดยระวังไม่ให้ปลายมีดจิ้มลึกถึงชั้นแรก) ก็จะได้ลวดลายตามใจชอบ
8. จากนั้นอบต่ออีก 20 นาทีค่ะ จะสังเกตได้จาก ขอบขนมเริ่มฟองขึ้น หน้าขนมแห้ง อาจจะมีรอยแตกบ้าง ไม่ต้องตกใจ ยกออกจากเตาอบได้เลย ค่อย ๆ ยกถาดชีสเค้กออกมาถาดน้ำ ค่อย ๆ แกะฟลอยล์ที่ห่อถาดอบออก
9. วางให้เย็นในอุณหภูมิห้อง ประมาณ 2 ชั่วโมง ถ้าอากาศแห้ง ให้ใช้เปเปอร์ทาว ปิดด้านบน หน้าขนมจะได้ไม่แห้ง ใช้เปเปอร์ทาวเพื่อ ความร้อนจากขนมจtถูกระบายผ่านได้ง่ายและ หน้าขนมก็จะไม่แฉะ ครบ 2 ชั่วโมงแล้ว เอาเข้าตู้เย็นอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนเสริฟ

เคล็ดลับการทำชีสเค้กให้ประสบความสำเร็จ ( Tips for baking the perfect cheesecake)

1.ไข่และครีมชีส ต้องอยู่ในอุณหภูมิห้อง ครีมชีสจะนิ่มและไข่จะไม่เย็น จะทำให้ได้ส่วนผสมที่เป็นเนื้อครีมนวลเรียบไม่เป็นก้อน
2.ตอนใช้เครื่องตีส่วนผสม ให้ใช้ความเร็วต่ำในการผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน เพราะต้องการแค่ให้ส่วน ผสมเข้ากันอย่างดี แต่ไม่ต้องการเพิ่มอากาศเข้าไปตอนตีผสม
3.ใช้ถาดใส่น้ำ รองตอนอบ ทำให้กระจายความร้อนได้สม่ำเสมอกว่า และควบคุมความร้อนไม่ให้สูงเกินไป ที่สำคัญคือตอนหุ้มถาดอบต้องหุ้มให้มิดชิด อย่าให้น้ำเข้าได้นะคะ
4.ตอนเทส่วนผสมชั้นที่สอง ต้องแน่ใจว่าหมดเวลาอบชั้นแรกแล้ว และชั้นแรกสุกแล้ว จึงค่อย ๆ เทชั้นที่สองช้า ๆ ค่ะ
5.ต้องไม่อบนานเกินไปค่ะ
6.ต้องทิ้งชีสเค้กไว้ให้เย็นอย่างน้อย 2 ชม. ก่อนเอาเข้าตู้เย็น ปกติชีสเค้กจะรสชาดดีขึ้น หลังจากวันที่อบค่ะ ตอนเก็บเข้าตู้เย็น ห่อด้วยพลาสติกก่อนนะคะ

 

ใส่ความเห็น